โคตอร์ “ฟยอร์ดแห่งยุโรปใต้” เมืองโบราณงดงามดุจเทพนิยายที่ควรมาเยือน โดย สุชาดา ประคัลภวงส์ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับมกราคม 2566
 |
โคตอร์
|
| ขณะนี้ทริปการสัมมนาระดับผู้นำ 2023 ล่องเรือสำราญเวนิส - โครเอเชีย ได้เทียบท่าเมืองมรดกโลกแห่งที่ 4 เรียบร้อยแล้ว เราจะพาทุกท่านตะลุยอย่างต่อเนื่อง หลังจากเที่ยวชมดื่มด่ำเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ตามด้วยเมืองสปลิทและเมืองดูบรอฟนิก ประเทศโครเอเชีย ที่ทั้งสวย มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาแล้ว วันนี้จุดหมายของเราอยู่ห่างจากเมืองดูบรอฟนิกไม่ไกลนัก และตั้งอยู่ที่ปลายฟยอร์ดซึ่งเป็นธารน้ำที่ไหลมาจากทะเลเอเดรียติก ที่นี่คือ เมืองโคตอร์ ประเทศมอนเตเนโกร |
 |
| โคตอร์ คือเมืองโบราณเก่าแก่อายุกว่าสองพันปี มีทิวทัศน์งดงามดุจเทพนิยาย ที่สำคัญคือมีประวัติศาสตร์ร่วมกันกับเมืองดูบรอฟนิก ด้วยความที่เป็นเมืองท่าเหมือนกัน แถมอยู่ห่างกันไม่มากนัก ทั้งยังเคยอยู่ภายใต้จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือไบแซนไทน์เช่นเดียวกัน จึงได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมจากอาณาจักรเวนิสเหมือนๆ กันด้วย เพราะเมืองโคตอร์อยู่ภายใต้การปกครองของเวนิสมากว่า 400 ปี เชียวค่ะ ในปัจจุบันโคตอร์เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของมอนเตเนโกร ส่วนจะมีอะไรให้เราไปเยี่ยมชมบ้างนั้นตามมาทางนี้กันเลยค่ะ |
 |
 |
| กำแพงเมืองและป้อมโคตอร์ (Kotor Wall) เป็นกำแพงเมืองเก่าแก่และป้อมปราการโบราณที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป แถมยังมีความยาวกว่า 4.5 กิโลเมตร เลยทีเดียว ปัจจุบันนี้เมื่อไม่มีศึกสงครามแล้ว ที่นี่จึงกลายเป็นจุดชมวิวชั้นเลิศ หากขึ้นไปด้านบนแล้วมองลงมาจะเห็นอาคารบ้านเรือนโบราณหลังคากระเบื้องสีส้มสวยงามราวกับเมืองในเทพนิยายที่ถูกหยุดเวลาไว้ รวมทั้งได้เห็นวิวของ อ่าวโคตอร์ (The Bay of Kotor) ที่มีชื่อติดโผว่าเป็นอ่าวที่สวยที่สุดในโลกอันดับที่ 7 เชื่อกันว่าที่นี่เป็นอ่าวฟยอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพราะมีส่วนที่โค้งเว้าเข้าไปมากที่สุดของชายฝั่งเอเดรียติกจนถูกขนานนามว่า ฟยอร์ดแห่งยุโรปใต้ จากจุดนี้จะมองเห็นความงดงามแบบกว้างไกลแบบสามร้อยหกสิบองศา ภาพตรงหน้าสวยจนแทบหยุดหายใจหายคอกันเลยทีเดียวค่ะ |
 |
| นอกจากนั้นมองไปไกลลิบๆ ที่กลางอ่าวจะเห็น กอสปา ออด ชครีบเยลา (Gospa od Skrpjela) หรือ Our Lady of the Rocks นั่นก็คือโบสถ์ขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่บนเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นกลางอ่าวโคตอร์ ถือว่าเป็นสถานที่มหัศจรรย์และศูนย์รวมศรัทธาของคนในพื้นที่เลยค่ะ เรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาก็คือ มีสองพี่น้องชาวประมงบังเอิญเจอรูปบูชาของพระแม่มารีที่โขดหินบริเวณทะเลจึงนำกลับบ้านมาบูชา แต่วันรุ่งขึ้นรูปนั้นก็หายไปและกลับไปอยู่ที่เดิม ทั้งสองก็นำกลับมาบ้านอีกครั้งและเหตุการณ์ก็เกิดซ้ำเดิม ทั้งคู่จึงปฏิญาณว่าจะสร้างโบสถ์เพื่ออุทิศให้พระแม่มารีที่กลางอ่าวโคตอร์ และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวประมงที่ต้องผ่านไปมาทุกวันด้วย สองพี่น้องรวมถึงชาวบ้านจึงเริ่มนำหินรวมถึงซากเรือมาถมกลางน้ำทีละเล็กทีละน้อยจนสำเร็จเป็นเกาะเทียมและสร้างโบสถ์ขึ้นมาในค.ศ. 1632 |
 |
| และเมื่อเราเดินผ่านกำแพงเมืองเข้ามาด้านในก็จะเจอ เขตเมืองเก่า (Kotor Old Town) ที่แม้ว่าบทบาทการเป็นเมืองท่าสำคัญของโคตอร์จะลดลงไปตามกาลเวลา แถมเคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อค.ศ. 1979 แต่เมืองได้รับการบูรณะให้กลับมาสวยงามดังเดิม ถึงขนาดที่ยูเนสโกประกาศให้ที่นี่เป็นมรดกโลก จึงทำให้อาคารสถานที่เก่าแก่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ราวกับถูกหยุดเวลาไว้นั้นมีบรรยากาศคึกคัก มีชีวิตชีวา และแปรเปลี่ยนบทบาทหน้าที่มาเปิดให้บริการร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และพิพิธภัณฑ์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ประทับใจไม่รู้ลืม |
 |
 |
| เป็นอย่างไรบ้างคะกับ “ฟยอร์ดแห่งยุโรปใต้” เมืองโคตอร์ ประเทศมอนเตเนโกร ที่ควรมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิตนักเดินทางอย่างทุกท่าน แต่ทริปเรือสำราญของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ ท่าเรือสุดท้ายซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายรอทุกท่านอยู่ในฉบับหน้า ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นโปรดติดตามค่ะ |
หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
|
